MotorTravel
BMW และMercedes Benz ร่วมมือกันพัฒนารถยนต์ไร้พวงมาลัย

BMW และ Mercedes Benz หยุดการแข่งขันชั่วคราว เพื่อร่วมมือกันพัฒนารถยนต์ขับขี่อัตโนมัติระดับ4,5 โดยทั้งสองค่าย จะแชร์เทคโนโลยีซึ่งกันและกันทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ แต่ๆไม่ใช่เป็นการรวม Mercedes-Benz F 015 and BMW Vision Next 100 ทั้ง2projectเข้าด้วยกัน
ถึงทั้งสองษริษัทได้พิจารณากันแล้วว่า จะเป็นการยากในการพัฒนารถยนต์อัตโนมัติระดับ4,5 ขึ้นมาได้ ถ้าปราศจากการร่วมมือกันของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ และยังเปิดโอกาสให้บริษัทอื่นเข้าร่วมเป็นพันธมิตรในการพัฒนาระบบขับขี่อัตโนมัติ แต่การร่วมมือระหว่างค่ายรถยักษ์ใหญ่ทั้ง2ของเยอรมันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการแชร์แพลตฟอร์ม ระบบส่งกำลัง หรือสิ่งอื่นใดในรถยนต์ ที่นอกเหนือไปจากระบบเซ็นเซอร์และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับระบบขับขี่อัตโนมัติเท่านั้น
ตามบันทึกข้อตกลงที่ลงนามโดยซีอีโอของ BMW Klaus Fröhlichและ Daimler CEO Ola Källenius ว่าจะต้องนำรถยนต์เหล่านี้มาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โดย BMW Vision iNext มีกำหนดเปิดตัวในยุโรป 2021 โดยจะมีระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ SAE 3 และ Mercedes Benz new S-classที่จะเปิดตัวในปี2020 จะมีระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ SAE 3 เช่นกัน
และMercedes Benz จะเปิดตัวทด่สอบรถที่มีระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ4ที่ San Jose, Californiaในปีนี้
ระดับต่างๆ ของคำว่า “อัตโนมัติไร้คนขับ” ที่บัญญัติโดย The SAE, the Society of Automotive
ระดับ 1 – มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่
ผู้ขับขี่ยังต้องบังคับพวงมาลัยรวมถึงการเร่งและชะลอความเร็ว แต่เมื่อใดที่เปิดระบบขับอัตโนมัติมันจะควบคุมเพียงการเร่งกับเบรกเท่านั้น เช่น Adaptive cruise control ใน Ford Everest, Ranger, Mitsubishi Pajero Sport, Mercedes-Benz C-E Class Toyota camry Honda accord เป็นต้น และระบบ autopilot ใน Volvo ที่ระบบสามารถควบคุมพวงมาลัยตามเส้นช่องจราจรได้อีกด้วย
ระดับ 2 – ทำงานอัตโนมัติบางส่วน
ผู้ขับขี่สามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยแต่ยังคงต้องคอยมองถนนข้างหน้า ซึ่งระดับ 2 นี้จะอนุญาติให้ระบบเข้ามาควบคุมทั้งพวงมาลัยและคันเร่ง อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินผู้ขับขี่จะต้องกลับเข้ามาควบคุมรถด้วยตนเองทันที โดยตัวอย่างเห็นเด่นชัดที่สุดก็คือระบบ Autopilot ที่ติดตั้งอยู่ใน Tesla
ระดับ 3 – ขับอัตโนมัติแบบมีเงื่อนไข
เพิ่มความสบายให้คุณอีกขั้นเพราะไม่ต้องจับพวงมาลัยแถมไม่ต้องมองทางข้างหน้า โดยระดับที่สามนี้ระบบจะทำการควบคุมทุกสิ่งอย่างภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด แต่ผู้ขับขี่ก็ต้องพร้อมกลับเข้ามาคุมรถทันทีหากระบบร้องขอ ซึ่งในระดับสามนี้รถยนต์สามารถเปลี่ยนทิศทางเองรวมถึงตอบสนองกับปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่อยู่บนถนน อย่างไรก็ตามในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินหรือข้อผิดพลาดมนุษย์ต้องกลับมาควบคุมรถทันที
ระดับที่ 4 ไม่ต้องมีคนขับอีกต่อไป ไปได้ทุกที่ที่รถรู้จัก
ในอนาคตไม่ไกลนี้ รถจะสามารถขับด้วยตัวมันเองได้อย่างอิสระและปลอดภัยแม้ในพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่านอย่างเมืองหลวง ด้วยแผนที่ความละเอียดสูง การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างรถกับรถคันอื่นๆ ในระดับ 4 นี้ คุณไม่ต้องมีคนขับอีกต่อไป มันจะเหมือนกับการซื้อรถพร้อมคนขับที่คุณมองไม่เห็น เพียงแค่คุณบอกว่าอยากไปใหน รถจะคำนวนให้คุณและพาคุณไปยังที่หมายอย่างปลอดภัย แต่ข้อจำกัดของระดับนี้ คือจะสามารถขับแบบอัตโนมัติได้เฉพาะพื้นที่หรือเส้นทางที่มีการบันทึกใว้เท่านั้น
โดยรถยนต์ที่มีความสามารถระดับนี้คาดว่าจะวางขายในสหรัฐอเมริการได้ภายในปี 2022
ระดับที่ 5 รถยนต์ไร้คนขับ : อัจฉริยะที่จะพาคุณไปทุกที่
ความแตกต่างของระดับ 4 กับระดับ 5 คือในระดับที่ 5 นี้ รถยนต์จะสามารถขับเคลื่อนอัตโนมัติไปยังสถานที่ต่างๆ ตามที่คุณต้องการ ได้โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องรู้เส้นทางเส้นนั้นเลยก็ได้ และในระดับ 5 นี้ พวงมาลัยไม่จำเป็นต่อการขับรถอีกต่อไปแล้ว
